ไล่จับยิ่งกว่าในหนัง..!ระทึก ตชด.33 แกะรอยไล่ล่าพ่อค้ายาเสพติดกระโดดขึ้นรถปืนยิงรถให้หยุด

ไล่จับยิ่งกว่าในหนัง..!ระทึก ตชด.33 แกะรอยไล่ล่าพ่อค้ายาเสพติดกระโดดขึ้นรถปืนยิง

พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.๔ บก.ปทส., พ.ต.อ.อภิชาติ รักพงษ์ ผกก.ตชด.๓๓ , พ.ต.ท.    วันพิชิต วัฒนศักดิ์มณฑา รอง ผกก.4 บก.ปทส. และ พ.ต.ท.ผดุงเกียรติ ปัณฑรนนทกะ รอง ผกก.ตชด.33  ได้รับแจ้งจากผู้หวังดีต่อทางราชการประสงค์เงินรางวัลสินบนนำจับ แจ้งว่ามีบุคคลมาทำการมั่งสุมเสพยาเสพติดกันในบริเวณ เส้นทางลำลองที่มีอยู่เดิมในป่าสงวนแห่งชาติป่าบ้านโฮ่ง ท้องที่บ้านปางค่า หมู่ที่ 16 ต.บ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ผู้บังคับบัญชาจึงสั่งการให้ พ.ต.ท.กันต์พงษ์ สุวรรณ์ศรี สว.กก.4 บก.ปทส. พร้อมด้วย ร.ต.อ.สุรกาญจน์ มูลมอญ ผบ.มว.กก.ตชด.๓๓ ร่วมกันสืบสวนหาข่าว จนทราบข่าวว่ามีบุคคลมีพฤติการณ์เป็นผู้เสพและเป็นผู้จำหน่ายหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) จริง โดยจะมีการนัดหมายส่งยาเสพติดกันบริเวณป่าใกล้ๆ กับอ่างกักเก็บน้ำห้วยปางค่า นั้น

วันนี้ 11 ตุลาคม 2563 เวลาประมาณ 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ตชด.ที่ 33 (เชียงใหม่) ได้ร่วมกันออกตรวจลาดตระเวนไปตามถนนทางหลวงแผ่นดินเส้นทางบ้านห้วยปางค่า – อ่างเก็บน้ำห้วยปางค่า เมื่อตรวจลาดตระเวนมาถึงบริเวณเส้นทางเข้าป่าไปสันเขื่อนกักเก็บน้ำห้วยปางค่า พบมีรถยนต์ส่วนบุคคลยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน บล 2762 เชียงใหม่ จอดอยู่ในป่าอันมีพฤติการณ์น่าสงสัยตามที่มีผู้หวังดีแจ้งข่าวสาร พนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดแรก อันมี ด.ต.คมชาญ เหรียญทอง ผบ.หมู่ กก.4 บก.ปทส. หัวหน้าชุดฯ เป็นผู้ควบคุมรถ ด.ต.ชินโชติ  สุขนิมิตร ผบ.หมู่ กก.4 บก.ปทส. ผู้ขับขี่รถยนต์ทางราชการตำรวจ บก.ปทส. และ ส.ต.ท.พงศกร ศิริ    ผบ.หมู่ กก.ตชด.33 เป็นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ จึงได้ขับรถไปจอดด้านท้ายรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรว่ามีบุคคลผู้ครอบครอง/ผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว มีเหตุอันควรสงสัยว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มียาเสพติดไว้เป็นความผิดกฎหมาย หรือได้กระทำความผิดหรือจะใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งอาจจะให้เป็นพยานหลักฐานได้ และอาจมีอุปกรณ์ตัดไม้ (เลื่อยโซ่ยนต์) มีไว้เป็นความผิดหรือได้ใช้ในการกระทำความผิดกฎหมาย ซึ่งสถานที่บริเวณดังกล่าวเป็นที่ “ป่า” และเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่โป่ง ไม่มีเหตุอันควรใดๆ      ที่บุคคลทั่วไปหรือประชาชนจะมาจอดรถหรือหยุดรถบริเวณดังกล่าวในเวลาใกล้ค่ำ (กลางคืน) ด.ต.คมชาญฯ และ     ส.ต.ท.พงศกรฯ ได้ลงจากรถเพื่อเข้าทำการตรวจค้น/ตรวจสอบ ด.ต.ชินโชติฯ ได้เปิดสัญญาณไฟวับวาบประจำรถเพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าเป็นรถยนต์ของทางราชการตำรวจ ในการเข้าทำการตรวจค้น ด.ต.คมชาญฯ เป็นผู้คอยคุ้มกันความปลอดภัยอยู่ด้านหลัง ส.ต.ท.พงศกรฯ เป็นผู้ขับทำการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย ได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อขอทำการตรวจค้นรถยนต์ ปรากฏว่าผู้ขับขี่/ผู้ควบคุมรถยนต์คันดังกล่าวทราบ/รู้ตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะด้วยความตกใจหรือเกรงกลัวต่อความผิดกฎหมาย ผู้ขับขี่/ผู้ควบคุมรถยนต์คันดังกล่าวได้ติดเครื่องยนต์แล้วขับขี่ออกตัวรถอย่างรวดเร็วจนเป็นเหตุให้รถยนต์คันดังกล่าวเฉี่ยวชน ส.ต.ท.พงศกรฯ ปรากฏว่า ส.ต.ท.พงศกรฯ ได้รับบาดเจ็บที่ขาข้างซ้าย ทันทีทันใด ส.ต.ท.พงศกรฯ ได้วิ่งไล่ติดตามและกระโดดขึ้นที่กระบะบรรทุกด้านหลังของรถยนต์คันดังกล่าว ด.ต.คมชาญฯ ได้วิ่งไล่กวดติดตาม และ ด.ต.ชินโชติฯ ได้ขับรถยนต์ของทางราชการตำรวจ บก.ปทส. ติดตามไป ผู้ขับขี่/ควบคุมรถยนต์คันดังกล่าวได้เร่งเครื่องยนต์ขับขี่หลบหนีไปตามเส้นทางลำลองที่มีอยู่เดิมในป่า ขับขี่ไปเรื่อย ๆ ส.ต.ท.พงศกรฯ ได้ตะโกนออกคำสั่งให้ผู้ขับขี่/ควบคุมรถยนต์คันดังกล่าวหยุดรถและให้จอดรถแต่ผู้ขับขี่/ผู้ควบคุมรถยนต์คันดังกล่าวไม่ยอมหยุดรถหรือจอดรถ และผู้ขับขี่/ควบคุมรถยนต์คันดังกล่าวยังขับรถยนต์ส่ายไปส่ายมาให้รถเหวี่ยงเพื่อทำให้ ส.ต.ท.พงศกรฯ ตกลงมาจากรถ (กระบะบรรทุกไม่มีแซงเหล็กหรือคอกเหล็กหรือที่จับ)       เพื่อทำให้ ส.ต.ท.พงศกรฯ เห็นว่าหากให้การดำเนินการเป็นเช่นนั้นต่อไปตนจะได้รับอันตราย จึงหยิบปืนพกสั้นประจำกายยิงลงพื้นดินไป จำนวน 1 นัด เพื่อให้หยุดรถและหยุดการกระทำดังกล่าว แต่ผู้ขับขี่/ควบคุมรถยนต์คันดังกล่าวก็ไม่ยอมหยุดรถหรือจอดรถแต่อย่างใด ส.ต.ท.พงศกรฯ จึงใช้อาวุธปืนพกสั้นประจำกายยิงไปที่ล้อรถยนต์ด้านหน้าขวาปรากฏว่า กระสุนปืนเข้าทะลุฝาประตูรถถูกล้อรถยนต์ด้านหน้าขวาทำให้ยางรถยนต์ระเบิด ชายผู้ขับขี่/ควบคุมรถยนต์คันดังกล่าวเห็นว่าตนจะหลบหนีไปไม่รอดจึงโยนถุงสีน้ำเงินออกมานอกตัวรถ ในจังหวะที่โยนถุงสีน้ำเงินออกมาจากรถยนต์ทำให้ตนเสียสมาธิและทำให้ขับรถยนต์ชนกับต้นไม้ที่มีขึ้นอยู่ในป่าเป็นเหตุให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย (สิ้นสุดเส้นทาง) ปรากฏว่าชายผู้ขับขี่/ควบคุมรถยนต์คันดังกล่าว ได้เปิดประตูรถและลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าป่าไปด้านหน้ารถ ส.ต.ท.พงศกรฯ ได้กระโดดลงมาจากกระบะบรรทุกรถยนต์เพื่อจะทำการควบคุมชายผู้ขับขี่/ควบคุมรถยนต์คันดังกล่าว ชายผู้ขับขี่/ควบคุมรถยนต์คันดังกล่าวได้ดิ้นรน ขัดขืน เพื่อหนีการจับกุม ด.ต.คมชาญฯ วิ่งติดตามมาทันเหตุการณ์และได้เข้าช่วยเหลือ ส.ต.ท.พงศกรฯ จนสามารถควบคุมตัวชายดังกล่าวได้ ทราบชื่อเวลาต่อมาคือ นายศักดิ์ดา พงค์ดา  อายุ 47 ปี หมู่ 3 ต.ศรีวิชัย อ.ลี้ จ.ลำพูน สอบถามว่าขับรถยนต์หลบหนีทำไม นายศักดิ์ดาฯ ให้การว่าตนกำลังเสพยาบ้าอยู่ด้วยวิธีการนำกระดาษฟรอยที่ใช้ห่อหมากฝรั่งทำให้เป็นรูปช้อนหรือเรือ แล้วเอาเม็ดยาบ้าใส่ลงไป จำนวน 2 เม็ด แล้วใช้ไฟรนสูดเอาสารระเหยของยาเสพติดเข้าสู่ร่างกาย

ด้วยความตกใจกลัว เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาทำการตรวจค้นตนกลัวความผิดจึงสตาร์ทรถยนต์แล้วขับหลบหนีเข้าป่า จน ตนไม่ได้ตั้งใจที่จะขับชนหรือขับเฉี่ยวชนเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด พร้อมนี้นายศักดิ์ดาฯ ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจค้นภายในห้องโดยสารรถยนต์คันทะเบียน บล 2762 เชียงใหม่ พบของกลางลำดับที่ 2 อุปกรณ์การเสพยาเสพติด จำนวน 1 ชุด และของกลางดำดับที่ 3 ไฟแช็ก (สีฟ้า) จำนวน  1 อัน วางอยู่ที่เบาะที่นั่งฝั่งด้านผู้โดยสาร และพบไฟแช็ค 1 อัน วางอยู่ที่ซอกประตูฝั่งผู้ขับขี่ ด.ต.ชินโชติฯ ได้เดินเท้าเดินทางมาถึง โดยจอดรถยนต์ของทางราชการตำรวจ บก.ปทส. ไว้ระหว่างทางเข้ามา เนื่องด้วยไม่มีถนนหรือเส้นทางเข้ามาถึงบริเวณที่รถยนต์คันดังกล่าวจอดได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวนายศักดิ์ดาฯ มานำชี้สิ่งของ (ถุงพลาสติกสีน้ำเงิน) ที่ตนได้โยนทิ้งระหว่างทาง ในขณะที่ตนขับรถยนต์หลบหนีการตรวจค้น/จับกุม พบของกลางลำดับที่ 1 ยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ชนิดเม็ดกลมแบน มีอักษร WY ประทับด้านหนึ่ง ชนิดสีส้ม จำนวน 193 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกชนิดทึบแสงแบบมีซีลปากถุงกด-ปิด ถุงสีน้ำเงิน นายศักดิ์ดาฯ ให้การรับสารภาพว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของตนเองจริง ตนได้ซื้อยาบ้าดังกล่าว จำนวน 1 ถุง มาจากจากนายน้อง ไม่ทราบชื่อ ชื่อสกุลจริงซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถยนต์โดยสารรับจ้างประจำทาง เส้นทาง อ.ลี้ – จว.ลำพูน ในราคา 4,000 บาท ตนรู้จักกับนายน้องเมื่อครั้งที่ตนและนายน้องถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำจังหวัดเชียงใหม่ และเรือนจำจังหวัดลำพูน ตนซื้อยาบ้าดังกล่าวมาเพื่อจะนำยาบ้าไปแลกเปลี่ยนกับไม้แปรรูป ที่มีบุคคลอื่นลักลอบทำไม้ในเขตท้องที่บ้านห้วยบง ต.ศรีวิชัย อ.ลี้ จ.ลำพูน      ตนจะนำไม้แปรรูปไปปลูกสร้างบ้านเรือนเพื่ออยู่อาศัย พนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาร่วมกันแล้วเห็นว่า นายศักดิ์ดาฯ    มีพฤติการณ์ตามที่นายศักดิ์ดาฯ ได้ให้การไว้ในชั้นจับกุม จึงได้ควบคุมตัวนายศักดิ์ดาฯ ไปที่สถานีตำรวจภูธรบ้านโฮ่ง ท้องที่เกิดเหตุ และได้ว่าจ้างรถเครนมายกเอารถยนต์คันยี่ห้อ อีซูซุ ทะเบียน บล 2762 เชียงใหม่ ไปที่สถานีตำรวจภูธรบ้านโฮ่ง เนื่องด้วยล้อรถยนต์ด้านหน้าขวารั่ว (จากร่องรอยกระสุนปืน) พนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้    นายศักดิ์ดาฯ ปัสสาวะโดยจัดทำบันทึกยินยอมให้ตรวจปัสสาวะ เพื่อนำตัวอย่างปัสสาวะของนายศักดิ์ดาฯ ไปตรวจหาสารเสพติดที่โรงพยาบาลบ้านโฮ่ง แพทย์หรือเจ้าหน้าที่เวรแจ้งว่าจะแจ้งตรวจการตรวจปัสสาวะในวันรุ่งขึ้น  ซึ่งในเรื่องดังกล่าวมอบให้พนักงานสอบสวนเวรฯ เป็นผู้ติดตาม  ในชั้นเข้าทำการตรวจค้น/จับกุม พนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเห็นนายศักดิ์ดาฯ เป็นผู้ขับขี่/ควบคุมรถยนต์ และได้ขับขี่มาในถนนทางหลวงแผ่นดินแล้วจอดอยู่บริเวณที่เกิดเหตุขับขี่หลบหนีเข้าไปในป่า เชื่อว่าผลการตรวจปัสสาวะของนายศักดิ์ดาฯ จะมีผลเป็นบวก ด้วยเจ้าตัวให้การรับสารภาพว่าตนเองได้เสพยาบ้าจริง และจำนนด้วยพยานหลักฐานพบมีอุปกรณ์การเสพยาบ้าอยู่ภายในรถยนต์ การกระทำลักษณะดังกล่าวจึงเป็นคามผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ และได้ขับขี่รถยนต์บนถนนทางหลวงจึงเป็นการกระทำความผิดต่อบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึ่ง มาตรา 157/1 วรรคสอง ฐาน “เสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ หรือเสพวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท” นอกจากนี้ยาเสพติดให้โทษประเทภ 1 เมตแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ที่นายศักดิ์ดาฯ ครอบครองไว้มีจำนวน 193 เม็ด และมีพฤติการณ์ครอบครองไว้เพื่อเสพและจำหน่าย จึงเข้าข่ายเป็นความผิดกฎหมายตามมาตรา 15 “ผู้ใดมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตามปริมาณดังต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย (2)แอม   เฟตามีนหรืออนุพันธุ์แอมเฟตามีนมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่สามร้อยเจ็ดสิบห้ามิลลิกรัมขึ้นไป หรือมียาเสพติดที่มีสารดังกล่าวผสมอยู่จำนวนสิบห้าหน่วยการใช้ขึ้นไป หรือมีน้ำหนักสุทธิตั้งแต่จุดห้ากรัมขึ้นไป”               ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522  คณะเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อนายศักดิ์ดาฯ ว่าได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาข้างต้นและจะต้องถูกจับกุมและถูกควบคุมตัวไปยังที่ทำการ พงส.สภ.บ้านโฮ่ง ท้องที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งแจ้งสิทธิ์ให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้  และ๑.ผู้ถูกจับกุมจะให้การหรือไม่ให้การก็ได้ ๒.ถ้อยคำให้การของผู้ถูกจับกุม อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีได้ ๓.ผู้ถูกจับกุม  มีสิทธิ์ที่จะพบและปรึกษาทนายความ  หรือผู้ที่จะเป็นทนายความ ๔.หากผู้ถูกจับกุม ประสงค์จะแจ้งให้ญาติหรือผู้ที่ไว้วางใจทราบ  ถึงการจับกุมที่สามารถดำเนินการได้สะดวกและไม่เป็นการขัดขวางการจับกุมไม่เป็นการก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่ผู้ใด ผู้ขอสามารถขออนุญาตเจ้าพนักงานดำเนินการได้ตามสมควรแก่กรณี ในชั้นจับกุมนายศักดิ์ดาฯ รับทราบข้อกล่าวหา และแจ้งให้ญาติทราบแล้ว ในชั้นจับกุมนายศักดิ์ดาฯ ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยรับว่ายาบ้าตามรายการของ
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบ จำนวน 193 เม็ด เป็นของตน พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้จัดทำบันทึกการตรวจยึด/จับกุม ควบคุมตัวนายศักดิ์ดาฯ พร้อมของกลางนำส่ง สภ.บ้านโฮ่ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยมอบหมาย พ.ต.ท.กันต์พงษ์ สุวรรณศรี สว.กก.4 บก.ปทส. เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ และ ส.ต.ท.พงศกร ศิริ ผบ.หมู่ กก.ตชด. 33เป็นพยาน