เจ้าของบ้านเช่าผงะ เจอลูกสาวพระบิดา เป็นหมอดูออนไลน์ เช่าอยู่กับลูกสาวฝาแฝด ทิ้งขยะเต็มบ้านทั้ง 2 ชั้น

เจ้าของบ้านเช่าผงะ เจอลูกสาวพระบิดา เป็นหมอดูออนไลน์ เช่าอยู่กับลูกสาวฝาแฝด ทิ้งขยะเต็มบ้านทั้ง 2 ชั้น

ช่วงบ่ายวันนี้(13 ก.ค.65) คุณนุ่ม อายุ 44 ปี (ขอสงวนชื่อนามสกุล) เจ้าของบ้านเช่าหมู่บ้านเอื้ออาทร เหมืองง่า ซอย 18 หมู่ที่ 6 ตำบลเหมืองง่า อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ถึงกับผงะเมื่อมาเก็บค่าเช่าบ้าน กลับเจอแต่ขยะเต็มบ้านทั้งชั้นล่างและชั้นบน ต้องเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้นำชุมชนมาเชิญออก และเรียกเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มารับไปฟื้นฟูดูแล แต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมออเยื้อกว่า 3 ชั่วโมง (ขณะรายงานข่าวยังไม่ยอมออก)

คุณนุ่มเจ้าของบ้านเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนซื้อบ้านเอื้ออาทรเอาไว้ 1 หลัง และปล่อยให้เช่า ต่อมามีผู้เช่าชื่อนางสาวปุ้ม(นามสมมุติ)อายุ 46 ปี บ้านเดิมอยู่เขตประเวศน์ กรุงเทพมหานคร ได้มาขอเช่าในราคาเดือนละ 3000 บาท พักอาศัยกับลูกสาวฝาแฝดวัย 11 ปี 2 คน รวมเป็น 3 คน ตั้งแต่ปลายปี 2563 รวมถึงวันนี้ประมาณ  1 ปี 6 เดือน  โดยทราบว่ามีอาชีพเป็นหมอดูออนไลน์

ต่อมาได้ค้างค่าเช่านานหลายเดือนรวมแล้วกว่า 2 หมื่นบาท ตนจึงเอะใจจึงแวะมาดูด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้ตั้งใจมาทวงค่าเช่า เพราะเข้าใจดีว่าสถานการณ์โควิด19 ได้รับผลกระทบกับทุกอาชีพ  แต่เมื่อมาถึงเปิดประตูเข้าไปถึงกับผงะ แทบอ๊วกแตก เพราะภายในห้องชั้นล่างพบกองขยะกองโตทิ้งเกลื่อนกราดเต็มห้อง หาทางเดินเข้าแทบไม่มี และเมื่อขึ้นไปดูชั้นบนอีกห้องหนึ่งก็พบว่ามีขยะเกลื่อนห้องเช่นกัน และสภาพห้องนอนก็รกรุงรัง ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอยู่กันได้อย่างไร ทั้งๆที่มีลูกสาวอยู่ด้วยตั้ง 2 คน วันนี้ก็คงให้ออกไปก่อน และตอนนี้ก็จ้างชาวบ้านมาช่วยทำความสะอาด ขยะรวมกว่า 50 ถุงนี่ยังเก็บไม่หมด แต่ด้วยความสงสารเด็กๆกลัวว่าไม่มีที่อยู่ จึงได้ประสานผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มารับไปดูแลก่อน แต่จากการเจรจานานกว่า 3 ชั่วโมงนางสาวปุ้มผู้เช่าไม่ยอมออกไป

เพื่อนบ้านให้ข้อมูลว่าตั้งแต่มาอยู่ได้ปีกว่าไม่เคยออกมาซื้อกับข้าว มีแต่สั่งผ่านไลน์เดอร์ทุกวัน นอกจากนั้นโฟว์ไฟน์เฟสบุ๊คที่โพสต์ ก็เหมือนกินดีอยู่ดี นอกจากนั้นเพื่อนบ้านยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ามักจะทุบตีด่าทอลูกสาวทั้งสองคนอยู่เกือบทุกวัน จนเพื่อนบ้านระอาและมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไประงับเหตุบ่อยครั้ง แต่นางสาวปุ้มก็อ้างอวดรู้ข้อกฎหมายต่างๆว่าเป็นสิทธิ์ของแม่ที่จะดุด่าว่าตีลูกได้ และไม่ยอมเปิดประตูออกมาพบเจ้าหน้าที่ ชาวบ้านใกล้เรือนเคียงจึงไม่มีใครอยากยุ่งด้วย โดยเจ้าตัวอ้างว่าตนเองเป็นคนมีความรู้มีการศึกษาจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง

(ขณะรายงานข่าวการเจรจายังไม่จบยังไม่ยอมไปกับเจ้าหน้าที่ พม.แต่อ้างว่าจะขอไปอยู่บ้านคนรู้จักแทน)

ทีมข่าวสังคมรายงาน